รายละเอียดแบบประกัน
ประเภทการประกันภัยขนส่งสินค้า
1. การประกันภัยขนส่งสินค้าภายในประเทศ
(Inland
Transit)
การประกันภัยคุ้มครองความเสียหายของสินค้าที่เกิดขึ้นในระหว่างการขนส่งที่อยู่ภายในประเทศ
เช่น การขนส่งสินค้าจากกรุงเทพฯ ไปยังผู้เป็นเจ้าของสินค้าที่จังหวัดเชียงใหม่
เป็นต้น โดยผู้เอาประกันภัยจะต้องเป็นเจ้าของสินค้า
ซึ่งอยู่ในฐานะเป็นผู้ขนส่งสินค้าเอง หรือว่าจ้างบริษัทขนส่งเป็นผู้ขนส่งสินค้า
ด้วยยานพาหนะที่ระบุในกรมธรรม์
ประเภทกรมธรรม์ประกันภัย แบ่งออกเป็น 2
ประเภท คือ
1)
กรมธรรม์ประกันภัยแบบคุ้มครองความเสี่ยงภัยทุกชนิด อันมีสาเหตุจาก
-
ความเสียหายหรือความสูญเสียโดยสิ้นเชิงหรือบางส่วนของสินค้าที่เอาประกันภัยอันเกิดจากอุบัติเหตุหรือสาเหตุภายนอก
- ความเสียหายทั่วไป (General Average) ที่เกิดขึ้นกับสินค้าที่เอาประกันภัย รวมทั้งส่วนเฉลี่ยความเสียหายทั่วไป (General Average Contribution) และค่ากู้ภัย (Salvage Charges) ที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องชดใช้ตามประเพณีปฏิบัติหรือตามกฎหมาย
2) กรมธรรม์ประกันภัยแบบระบุภัย
อันมีสาเหตุจาก
- อัคคีภัย การระเบิด หรือฟ้าผ่า
- ยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่ง
หรือสินค้าที่เอาประกันภัยประสบอุบัติเหตุชนหรือโดนกับยานพาหนะอื่น
หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดนอกยานพาหนะ รวมถึงหัวลากและหางลาก
หรือรถพ่วงของยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งนั้นเอง
- เรือจมหรือเกยตื้น เครื่องบินตก
รถไฟตกราง รถ รวมถึงหัวลากและหางลาก หรือรถพ่วงพลิกคว่ำ หรือตกถนน หรือตกสะพาน
หรือตกไหล่ทาง
- ภัยเพิ่มพิเศษที่ได้ระบุไว้ชัดเจนในตารางกรมธรรม์ประกันภัย
ระยะเวลาความคุ้มครอง แบ่งออกเป็น 2 แบบ
คือ
• แบบกำหนดเวลา (Time Policy)
ให้ความคุ้มครองตามระยะเวลาคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย
ผู้เอาประกันภัยสามารถกำหนดวันและเวลาคุ้มครองได้ตามที่ต้องการ
ยกเว้นเวลาสิ้นสุดของกรมธรรม์ประกันภัยที่บริษัทประกันภัยจะกำหนดเป็นมาตรฐานไว้ที่เวลา
12.00 น.
• แบบขนส่งเฉพาะเที่ยว (Voyage Policy)
ให้ความคุ้มครองสินค้าเฉพาะเที่ยว ความคุ้มครองจะสิ้นสุดเมื่อสินค้าถึงจุดหมายปลายทาง หรือครบกำหนดระยะเวลาตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย แล้วแต่เหตุการณ์ใดเกิดขึ้นก่อน หากมีการขนส่งสินค้าเที่ยวใหม่ ผู้เอาประกันภัยต้องแจ้งให้บริษัทประกันภัยทราบ เพื่อออกกรมธรรม์ประกันภัยฉบับใหม่
2.
การประกันภัยขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Marine Cargo Insurance)
การทำประกันภัยความเสียหายในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง
โดยทั่วไปจะเป็นการขนส่งสินค้าด้วยเรือเดินทะเล ซึ่งมีการบรรทุกสินค้าเป็นจำนวนมาก
การขนส่งสินค้าทางทะเลมักจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสินค้าเป็นประจำ
ดังนั้นการประกันภัยจึงมีส่วนช่วยให้เจ้าของสินค้าไม่ต้องเดือดร้อนจากการที่สินค้าได้รับความเสียหายจากการขนส่งทางทะเล
ผู้ที่มีหน้าที่ในการจัดทำประกันภัย
อาจจะเป็นผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้นำเข้า หรือผู้ส่งออกสินค้า ทั้งนี้
ขึ้นอยู่กับ Incoterm หรือข้อตกลงในการส่งมอบสินค้าระหว่างประเทศ
เช่น FOB
(Free on Board) ผู้ขายมีภาระรับผิดชอบต้องส่งมอบของลงเรือ
ณ ท่าส่งออกที่ได้ระบุไว้
ส่วนผู้ซื้อจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมทั้งความเสี่ยงต่อความเสียหายหรือสูญหายที่เกิดขึ้นเมื่อของอยู่บนเรือ
หรือ CIF
(Cost Insurance and Freight) ผู้ขายมีภาระรับผิดชอบการทำประกันภัยในความเสี่ยงภัยต่อการเสียหาย
หรือสูญหายระหว่างการขนส่งจนถึงท่าปลายทาง และเป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัย เป็นต้น